เมื่อการทำธุรกิจออนไลน์ต้องมีเรื่องของคอนเทนต์เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้คนที่สนใจหรือกลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามารับชมเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์เพื่อรองรับ SEO คอนเทนต์โฆษณา หรือแม้แต่ Email Marketing ก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง การทำความเข้าใจว่า CTR คืออะไร มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจออนไลน์มากแค่ไหน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น บทความนี้เราจึงอยากพาผู้อ่านไปรู้จักกับ CTR ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
CTR คืออะไร สำคัญกับการทำธุรกิจออนไลน์อย่างไร
CTR คืออะไร
ค่า CTR หรือ Click Through Rate คือ อัตราคลิกต่อจำนวนการมองเห็น ซึ่งถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ค่า CTR คือ ตัวชี้วัดประเภทหนึ่งเพื่อประเมินความน่าสนใจของคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่คุณสร้างขึ้นมาว่าตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการมากน้อยเพียงใด โดยจะเทียบสัดส่วนระหว่างคนจำนวนที่มองเห็นเนื้อหานั้น ๆ กับจำนวนคนที่คลิกเข้ามารับชมเป็นเปอร์เซ็นต์ หากค่า CTR สูง นั่นเท่ากับอัตราคนที่พบเจอแล้วตัดสินใจกดเข้ามาเพื่อรับชมเนื้อหาต่อมีเยอะ บ่งบอกถึงคอนเทนต์ดังกล่าวมีคุณภาพ ตอบโจทย์ ถูกจริตกลุ่มเป้าหมาย ทำให้โอกาสสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) เพื่อยอดขายและผลกำไรย่อมสูงตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งวิธีคำนวณค่า CTR สามารถใช้สูตรได้ตามนี้ค่ะ
CTR (Click-through Rate) = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100
ตัวอย่าง คุณทำการยิง Google Ads ออกไป 1 ตัว ผลการแสดงโฆษณาอยู่ที่ 250 ครั้ง มีคนคลิกเข้ารับชมที่ 20 ครั้ง เมื่อเข้าสูตรก็จะเป็น
CTR = (20 / 250) x 100 ผลลัพธ์ที่ได้คือ 8%
ตัวอย่างการสร้างคอนเทนต์เพื่อให้ค่า CTR สูงในแต่ละแพลตฟอร์ม
CTR คืออะไร
ตามที่อธิบายไว้นะคะว่าการวัดค่า CTR มีได้หลายช่องทางมาก ส่วนใหญ่แล้วคนจะนิยมใช้กันอยู่ 4 รูปแบบ ซึ่งใครที่อยากให้คอนเทนต์ของตนเองบนช่องทางนั้นมีผลลัพธ์ที่ดี ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้เลยค่ะ
1. Google Ads
ค่า CTR Google Ads คือ การประเมินผู้ที่พบเห็นโฆษณาของคุณบนเว็บ Google กับจำนวนคนที่คลิกเข้ามาชมต่อ เทคนิคสำคัญคือต้องเลือกใช้ Keyword ที่การแข่งขันระดับกลางไปทางสูง แต่ไม่ต้องสูงมากเกินไปนะคะ เพราะคู่แข่งจะเยอะมาก และพยายามเลือก Keyword ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายของตนเองให้ชัดเจนที่สุด จากนั้นอธิบายเนื้อหาให้สั้น กระชับ แต่สามารถตอบโจทย์ของคนที่กำลังค้นหาข้อมูลได้ เช่น
“คอนโดใจกลางเมือง ติด BTS เดินทางง่าย พร้อมสวนขนาดใหญ่”
“ร้านซ่อมรถเบนซ์ ชลบุรี ครบวงจร ราคาคุ้มค่า ดูแลโดยช่างมืออาชีพ”
“อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ รสชาติดี ลดน้ำหนักเห็นผลได้จริงภายใน 3 เดือน”
2. Facebook Ads
ค่า CTR ของ Facebook Ads จะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีว่าสื่อ Social Media หลักของตนเองตอบโจทย์ลูกค้ามากแค่ไหน ซึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ค่า CTR สูงต้องมีการทำคอนเทนต์เพื่อสร้างความแตกต่าง มีลูกเล่นแปลกใหม่ ใช้ Call To Action แบบเห็นแล้วต้องหยุดอ่าน รวมถึงการทำ Infographic ให้สวยก็เป็นอีกผู้ช่วยสำคัญด้วยเช่นกันค่ะ
3. Email Marketing
ส่วนใหญ่การโฆษณาผ่านช่องทางนี้คนทำจะมีจุดประสงค์หลักเพื่อการขาย การสมัครสมาชิก ไม่ใช่แค่ให้ผู้อ่านรับชมเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากค่า CTR เท่ากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นดีถึงดีมาก คำแนะนำคือ เน้นเขียนเนื้อหาให้กระชับ เข้าใจง่าย อธิบายชัดเจนไม่ต้องอ้อมค้อม พร้อมปิดท้ายด้วย Call To Action และอาจเพิ่มเติมภาพเข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ ซึ่งสูตรการหาค่า CTR ผ่านช่องทางนี้จะแตกต่างกันเล็กน้อย นั่นคือ
Email CTR = (จำนวนคลิก / จำนวนอีเมลที่ส่งออก) x 100
4. SEO
ในการทำ SEO ถือเป็นอีกวิธีที่สามารถวัดค่า CTR ได้ค่ะ โดยต้องใช้เครื่องมือ “Google Search Console” เข้ามาช่วย รู้ได้ทันทีว่าคอนเทนต์ที่โพสต์มีคนเห็นเท่าไหร่ คนคลิกดูต่อกี่คน มีส่วนสำคัญสำหรับปรับเนื้อหาให้ตอบโจทย์มากขึ้นในครั้งถัดไป
บทสรุป
การทำคอนเทนต์ให้ออกมาดีเพื่อค่า CTR สูงยังมีผลบวกต่อเรื่อง Quality Score ของตัวเนื้อหานั้น ๆ ด้วยนะคะ ยิ่งค่าสูงอันดับของโฆษณา หรือคอนเทนต์ทำ SEO ก็มักถูกจัดอยูในลำดับสูงกว่าคู่แข่ง มากไปกว่านั้นคุณยังรู้สถิติด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายที่คลิกรับชมส่วนใหญ่เป็นเพศ อายุเท่าไหร่ มักกดช่วงไหนเพื่อการปรับรูปแบบเนื้อหาให้เหมาะสม ได้ผลลัพธ์อย่างที่วางแผนไว้มากที่สุดนั่นเอง
สอนทำธุรกิจออนไลน์: Click Through Rate (CTR)คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/