ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แผลเปื่อยในปากที่เกิดจากการบาดเจ็บ (Traumatic Ulcer)แผลเปื่อยในปากที่เกิดจากการบาดเจ็บ (Traumatic Ulcer) เป็นปัญหาที่พบบ่อยและมักสร้างความรำคาญและเจ็บปวดอย่างมาก แผลชนิดนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียโดยตรงเหมือนแผลร้อนใน (Aphthous Ulcer) แต่เกิดจากการที่เนื้อเยื่อในช่องปากได้รับความเสียหายทางกายภาพ
สาเหตุหลักของแผลเปื่อยจากการบาดเจ็บ
การกัดกระพุ้งแก้ม/ริมฝีปาก/ลิ้น โดยไม่ตั้งใจ:
ระหว่างเคี้ยวอาหาร (โดยเฉพาะเมื่อรีบเร่งหรือเคี้ยวไปพูดไป)
ระหว่างนอนหลับ (สำหรับบางคนที่มีพฤติกรรมกัดปากโดยไม่รู้ตัว)
ขณะเล่นกีฬาหรือเกิดอุบัติเหตุ
ฟัน:
ฟันซี่ที่แตก บิ่น หรือมีคม: ขอบฟันที่แหลมคมอาจบาดเนื้อเยื่ออ่อนๆ ในช่องปากซ้ำๆ
ฟันที่ขึ้นผิดตำแหน่ง: เช่น ฟันคุดที่ขึ้นเอียงไปทิ่มกระพุ้งแก้ม
การเสียดสีจากอุปกรณ์จัดฟัน: ลวดเหล็ก, แบร็กเก็ต หรือยางที่เกี่ยวฟัน อาจเสียดสีหรือทิ่มแทงเยื่อบุช่องปาก
อุปกรณ์ในช่องปากอื่นๆ:
ฟันปลอม: ฟันปลอมที่หลวม ไม่พอดี หรือมีขอบคม อาจเสียดสีหรือกดทับเยื่อบุ
รีเทนเนอร์: อาจมีส่วนที่เสียดสีกับเนื้อเยื่อ
การแปรงฟันที่รุนแรง:
การใช้แปรงสีฟันที่แข็งเกินไป หรือแปรงแรงเกินไป อาจทำให้เหงือกหรือเยื่อบุฉีกขาด
การรักษาทางทันตกรรม:
หลังจากการถอนฟัน, การอุดฟัน, การขูดหินปูน หรือการทำหัตถการอื่นๆ อาจมีการบาดเจ็บเล็กน้อยเกิดขึ้น
อาหาร:
อาหารแข็ง เช่น เกล็ดขนมปังกรอบ, กระดูกชิ้นเล็ก, หรือขอบขนมปังปิ้งที่แหลมคม อาจบาดเยื่อบุ
อาหารร้อนจัด อาจทำให้เกิดแผลไหม้
สารเคมี/ยาบางชนิด:
การสัมผัสสารเคมีหรือยาบางชนิดที่ระคายเคืองโดยตรง (เช่น ยาแก้ปวดฟันบางชนิด)
ลักษณะของแผลเปื่อยจากการบาดเจ็บ
ตำแหน่ง: มักจะพบบริเวณที่เกิดการบาดเจ็บโดยตรง เช่น กระพุ้งแก้ม, ริมฝีปาก, ลิ้น (โดยเฉพาะขอบลิ้น), เหงือก, หรือเพดานปาก
ลักษณะแผล:
มีขอบเขตที่ชัดเจน รูปร่างไม่แน่นอน อาจกลม รี หรือเป็นเส้นตามรอยบาดเจ็บ
ตรงกลางแผลมักเป็นสีขาวอมเหลือง หรือเทา เนื่องจากมีเนื้อเยื่อตายและไฟบรินมาคลุมอยู่
บริเวณรอบๆ แผลมักมีสีแดงและบวมเล็กน้อย
อาจมีอาการปวดหรือแสบ โดยเฉพาะเวลาทานอาหารรสจัด หรือพูดคุย
จำนวน: มักเป็นแผลเดี่ยวๆ หรือมีไม่กี่แผลในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ
การรักษา
โดยทั่วไปแล้ว แผลเปื่อยจากการบาดเจ็บมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากไม่ได้รับการบาดเจ็บซ้ำๆ การรักษาส่วนใหญ่เน้นที่การบรรเทาอาการและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน:
กำจัดสาเหตุ:
หากเกิดจากฟันที่มีคม ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อกรอขอบฟันให้เรียบ
หากเกิดจากฟันปลอม ควรปรับแต่งฟันปลอมให้กระชับและไม่ระคายเคือง
ระมัดระวังในการเคี้ยวอาหาร ลดการกัดกระพุ้งแก้ม
บรรเทาอาการปวด:
หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้น: อาหารรสจัด (เผ็ด, เปรี้ยว), อาหารร้อนจัด, อาหารแข็งหรือกรอบ
ใช้น้ำยาบ้วนปากลดอาการอักเสบ: เช่น น้ำยาบ้วนปากที่มี Chlorhexidine หรือ Benzydamine Hydrochloride (สำหรับลดอาการปวด)
ยาป้ายปาก: เจลหรือครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (เช่น Triamcinolone Acetonide) สำหรับลดการอักเสบ หรือยาชาเฉพาะที่ (เช่น Benzocaine) สำหรับบรรเทาปวด
ยาแก้ปวด: หากปวดมาก อาจรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น Paracetamol
รักษาความสะอาดในช่องปาก:
บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ วันละ 2-3 ครั้ง ช่วยฆ่าเชื้อและลดการระคายเคือง
แปรงฟันเบาๆ โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงแผล เพื่อไม่ให้แผลได้รับการบาดเจ็บซ้ำ
สังเกตอาการ:
หากแผลไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น, มีอาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้น, มีหนอง, หรือมีเลือดออก ควรไปพบทันตแพทย์หรือแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป เพราะแผลที่ไม่หายในระยะเวลานานอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าได้
การทำความเข้าใจสาเหตุและการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้แผลเปื่อยจากการบาดเจ็บหายเร็วขึ้นและลดความไม่สบายได้ครับ