กินน้ำลดน้ำหนัก ให้เห็นผล! ต้องกินวันละกี่ลิตร กินเวลาไหนบ้าง

[siritidaphon]

กินน้ำลดน้ำหนัก ให้เห็นผล! ต้องกินวันละกี่ลิตร กินเวลาไหนบ้าง

“กินน้ำลดน้ำหนัก” เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ลดน้ำหนักดังเทรนด์หนึ่งก็ว่าได้ หลายคนคงสงสัยว่า น้ำเปล่าธรรมดา ๆ จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างไร กินแล้วจะได้ผลจริงหรือเป็นเพียงแค่ Fake News ในโซเชียลเท่านั้น

กินน้ำลดน้ำหนัก

    เนื่องจากการดื่มน้ำจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ร่างกายจึงต้องสร้างความร้อนขึ้นมา เพื่อรักษาสมดุลของอุณหภูมิภายในร่างกาย โดยการเร่งการเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรีให้มากยิ่งขึ้น จึงมีส่วนช่วยทำให้น้ำหนักลดลงและยังช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินอีกด้วย

นอกจากนี้ การดื่มน้ำเปล่าสะอาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะก่อนทานอาหารในแต่ละมื้อ จะช่วยลดความอยากอาหารให้น้อยลง พอทานน้อยลงก็ลดโอกาสที่น้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้น การดื่มน้ำเปล่านอกจากจะช่วยลดความอยากอาหารแล้ว ยังช่วยลดการอยากน้ำหวานอย่างชาไข่มุก น้ำอัดลมต่าง ๆ ที่น้ำตาลเยอะ ๆ ทำให้ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ ก็จะช่วยทำให้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

การจะกินน้ำลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้น จะต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย หากต้องการทราบว่า เราควรกินน้ำวันละกี่ลิตร ให้นำน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) x 2.2 x 30 แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาหารด้วย2 จะได้เป็นปริมาณน้ำที่เราควรดื่มใน 1 วัน (หน่วยมิลลิลิตร) และเพื่อให้การกินน้ำลดน้ำหนักเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราควรแบ่งปริมาณน้ำและช่วงเวลาในการกินดังนี้ค่ะ
ตารางช่วงเวลากินน้ำลดน้ำหนัก

คำแนะนำ ในที่นี้ 1 แก้ว เท่ากับน้ำประมาณ 240 มิลลิลิตร สามารถปรับเปลี่ยนปริมาณให้เหมาะสมกับจำนวนที่ต้องดื่มต่อวันของแต่ละคนได้ และที่สำคัญจะต้องเป็นน้ำเปล่าสะอาด อุณหภูมิห้อง ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป โดยไม่กินน้ำแบบรวดเดียวหมดแก้ว แต่ควรใช้เป็นการจิบไปเรื่อย ๆ ตลอดวัน

    1 แก้ว หลังตื่นนอน : ควรดื่มก่อนแปรงฟัน เพราะจะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย หากขับถ่ายเช่นนี้เป็นเวลาทุกวัน ก็จะทำให้ท้องไม่ผูก หน้าท้องยุบ และน้ำหนักลดได้ นอกจากนี้น้ำเปล่า จะช่วยให้เลือดหลังตื่นนอนที่หนืดข้น ไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงช่วยลดความดันโลหิต และทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป่า
    3 แก้ว ก่อนและหลังอาหารเช้า : ในช่วงก่อนกินอาหารเช้า 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว จะช่วยลดความอยากอาหารลง ทำให้อิ่มง่ายและไม่กินอาหารเยอะจนเกินไป และหลังจากกินมื้อเช้าแล้ว ก็ให้ดื่มน้ำอีก 2 แก้ว (ห้ามดื่มรวดเดียว) จะช่วยขับของเสียต่าง ๆ ที่ตกค้างออกจากร่างกายได้
    3 แก้ว ก่อนและหลังอาหารเที่ยง : ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนกินอาหารเที่ยง 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นในช่วงบ่ายให้ดื่มน้ำ 2 แก้ว โดยให้จิบน้ำระหว่างวันไปเรื่อย ๆ จะช่วยเร่งการเผาผลาญแคลอรี่และทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง
    2 แก้ว ก่อนและหลังอาหารเย็น : ก่อนกินอาหารเย็น 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำก่อน 1 แก้ว หลังจากกินอาหารเสร็จให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว จะช่วยกระตุ้นระบบลำไส้และระบบการไหลเวียนของเลือดให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
    1 แก้ว ก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง : ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน (ไม่ควรเกินเวลา 23.00 น.) ให้ดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อล้างของเสียที่ค้างอยู่ในลำไส้ ทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น


    สิ่งสำคัญในการกินน้ำลดน้ำหนักให้ได้ผล คือ การออกกำลังกายและควบคุมอาหารควบคู่กันไป โดยให้ทำเช่นนี้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

         จะเห็นได้ว่า คุณประโยชน์ของน้ำเปล่าไม่เพียงแต่จะช่วยลดน้ำหนักเท่านั้น แต่การกินน้ำเปล่าให้มากเพียงพอต่อความต้องการร่างกาย จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เช่น การขับถ่าย ระบบไหลเวียนเลือด ช่วยทำให้สดชื่นปลอดโปร่ง และช่วยให้ผิวพรรณดูสุขภาพดีเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย


รู้หรือไม่?! กินน้ำก็รักษาโรคได้นะ!

         คุณประโยชน์ของน้ำเปล่า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้น้ำหนักลดได้เท่านั้นนะคะ หากกินอย่างถูกต้องถูกวิธี น้ำเปล่าก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยรักษาโรคหรือปัญหาสุขภาพบางอย่างได้! แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละคนแตกต่างกันออกไป แต่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการลงได้ไม่มากก็น้อยเลยล่ะค่ะ

ดื่มน้ำรักษาโรค

1.    แก้ท้องผูก ลดความเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงทวาร

          เนื่องจากสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกคือการขาดน้ำ หรือดื่มน้ำน้อยจนเกินไป ทำให้ขับถ่ายยาก อุจจาระแข็ง ต้องเบ่งแรง ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารตามมาได้ ดังนั้น การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจึงมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น อุจจาระอ่อนตัวลง ระบบลำไส้ และการขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองค่ะ


2.    บรรเทาโรคไข้หวัด

          หลายคนที่เคยไปหาหมอตอนไม่สบาย คงเคยได้ยินหมอแนะนำว่าให้กินน้ำเปล่าเยอะ ๆ ใช่ไหมล่ะคะ เพราะน้ำทำให้อุณหูมิในร่างกายเย็นลง ช่วยระบายความร้อนหรือไข้ออกมาในรูปแบบของเหงื่อและการขับถ่าย อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ และทำให้เสลดหรือน้ำมูกไม่เหนียวข้นและมีปริมาณที่น้อยลงได้ค่ะ


3.    ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง

          เนื่องจากน้ำทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันและลดภาวะเลือดหนืดข้น ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงได้ และยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ได้อีกด้วยค่ะ


4.    แก้ปัญหานอนไม่หลับ

          หากใครที่มีปัญหานอนไม่หลับหรือนอนหลับยาก ก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายในเวลากลางคืน ลดปัญหานอนไม่หลับเพราะหิวตอนดึก ๆ รู้สึกสบายตัวมากขึ้น และยังมีส่วนช่วยระงับประสาท ทำให้ร่างกายสงบและเกิดความรู้สึกง่วงได้ค่ะ


5.    ลดการคลื่นไส้-อาเจียน

          ในช่วงที่มีปัญหาคลื่นไส้อาเจียน ให้ลองจิบน้ำไปเรื่อย ๆ โดยไม่ดื่มรวดเดียวนะคะ จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งขึ้น และหากอาเจียนออกไปแล้ว การดื่มน้ำจะช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากการอาเจียน ช่วยลดการอ่อนเพลียและป้องกันการขาดน้ำได้ค่ะ


6.    ลดอาการหงุดหงิด

          จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร The Journal of Nutrition ได้กล่าวว่า การขาดน้ำก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน หรือบางคนที่มีอาการปวดหัว มักจะเกิดอาการหงุดหงิด การดื่มน้ำเปล่าซัก 1 – 2 แก้ว จะช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น ระงับประสาททำให้ลดอาการหงุดหงิด และยังบรรเทาอาการปวดหัว ป้องกันการขาดน้ำ จึงช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้นั่นเองค่ะ


7.    แก้ปัญหาผิวต่าง ๆ

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าน้ำเปล่าธรรมดา ๆ ก็มีส่วนช่วยลดปัญหาผิวอย่างผิวแห้ง สิว ฝ้า กระต่าง ๆ ได้ เนื่องจากน้ำจะช่วยขับของเสียและสารพิษตกค้างต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาหลักในการทำให้เกิดปัญหาผิวออกจากร่างกาย ทำให้ตัวต้านอนุมูลอิสระสามารถทำงานได้ดีขึ้น ผิวจึงชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งคัน ผิวใสเปล่งปลั่ง และยังช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ และริ้วรอยต่าง ๆ ได้นั่นเองค่ะ

สรุป

         กินน้ำลดน้ำหนัก เป็นวิธีลดน้ำหนักวิธีหนึ่งที่แพทย์บอกว่าสามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย น้ำเปล่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเป็นประจำ และที่สำคัญ ต้องกินน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการร่างกาย ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปนะคะ